เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ในช่วงที่ผ่านมาผมเชื่อว่าหลายคนคงสาละวนอยู่การลงทะเบียน การติดตามข่าวเรื่องแจกเงินของรัฐบาล ตั้งแต่โคงการ ชิมช้อปใช้ , เราไม่ทิ้งกัน , เราเที่ยวด้วยกัน , คนละครึ่ง , เราชนะ , เรารักกัน โครงการที่กล่าวมาทั้งหมด มีโครงการไหนบ้างที่จะช่วยให้พวกเราดีขึ้นอย่างแท้จริงแต่หลายคนให้ความสนใจกับการแจกเงินจนแทบไม่ทำอะไร (ลงทะเบียนไม่ได้ , ลงทะเบียนไม่ทัน ฯลฯ ก็เป็นอย่างที่เห็นในข่าว) ผมอยากให้พวกเราลองช่วยกันคิดนะครับ
ประเด็นที่ 1 ถ้าเราต้องอาศัยอยู่ในสังคมที่หลายคนเอาแต่รอความช่วยเหลือจากรัฐบาล หรือออกมาเรียกร้องให้รัฐช่วย จะเป็นอย่างไร
ประเด็นที่ 2 ถ้าเราต้องอาศัยอยู่ในสังคมที่หลายคนไม่วางแผนอนาคต และคิดว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องความช่วยเหลือ จะเป็นอย่างไร
ประเด็นสุดท้าย รัฐบาลเอาเงินจากไหมมาจ่าย
อีกเรื่องพวกเราเชื่อจริงๆหรือครับว่าการแจกเงินสามารถปัญหาได้?
เมื่อรัฐบาลแจกเงินทุกคน ทุกคนมีเงิน ก็เอาไปซื้อของกินของใช้ แล้วของเหล่านั้นราคาขึ้นไหมครับ หลังจากนั้นเงินที่รัฐบาลแจกให้ก็หมดในไม่กี่เดือน แต่ราคาของที่เคยซื้อกินใช้จะลดลงไหมครับ เมื่อเงินที่รัฐบาลแจกให้เราหมดแล้ว หลายคนก็อาจจะออกมาเรียกร้องขอความช่วยเหลือต่อ ซึ่งรัฐบาลก็เหมือนพยายามปลูกฝังให้คิดและรู้สึกว่าควรทำเช่นนั้น ยกตัวอย่างถ้าจะแจกเงิน ทำไมต้องแจกหลายรอบ แถมยังต้องลงทะเบียนให้วุ่นวาย ส่วนบางคนก็ได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก (เช่นได้คนละครึ่ง 3,500 บาทแล้ว มาได้เราชนะอีก 7,000 บาท) แต่ผู้สูงอายุบางคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนใช้ ก็ต้องพยายามไปลงทะเบียนด้วยความยากลำบากอย่างที่เป็นข่าว
อีกเรื่องก็แปลกไม่แพ้กัน คือโครงเราชนะ ที่แจกเงินให้ทุกคน 7,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่า
1. ต้องไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 (แปลว่าการเป็นพนักงานประจำมีรายได้เป็นหลักแหล่งจะไม่ได้)
2. ต้องไม่เป็นเจ้าหน้าที่หรือผู้ปฎิบัติงานอื่นใดในหน่วยงานภาครัฐ (แปลว่าการเสียสละมาทำงานที่ให้บริการประชาชนจะไม่ได้)
3. ต้องไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 300,000 บาท ตามฐานข้อมูลล่าสุด (แปลว่าการมีรายได้และเสียภาษีอย่างครบถ้วนถูกต้องอาจจะไม่ได้ ถ้าเกินเงื่อนไข)
4. ต้องไม่เป็นผู้มีเงินฝากรวมทุกบัญชีเกิน 500,000 บาท ตามฐานข้อมูลล่าสุด (แปลว่าการเก็บออมเงินเพื่อใช้ในตอนฉุกเฉินหรือตอนเกษียณอาจจะไม่ได้ ถ้าเกินเงื่อนไข)
ข้อความที่อยู่ในวงเล็บมากจากบุคคลบางคนที่เขาไม่ได้เงินจำนวนนี้ แต่ในทางกลับกันพวกเขาเป็นผู้เสียภาษีอย่างถูกต้องครบถ้วน ผมก็ได้แต่ให้พวกเขาคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้วที่เราสามารถพึ่งพาตนเองได้ ไม่ต้องไปขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล
ผมยอมรับว่ารู้สึกสงสารและเห็นใจกับกลุ่มคนที่ต้องขอรับความช่วยเหลือ แม้ผมจะยอมรับว่าการแจกเงินเป็นวิธีการแก้ปัญหาได้รวดเร็วที่สุด แต่ไม่น่าใช่การปัญหาระยะยาวอย่างแน่นอน ฉะนั้นก็ไม่ควรให้ทุกคนต้องมาสนใจหรือจดจ่อขนาดนี้ สิ่งที่ควรทำคือ การปลูกฝังให้คนเหล่านี้มีความรู้ ความสามารถมากขึ้นและรู้จักที่จะวางแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระกับรัฐบาลในอนาคต
ขอให้ทุกท่านมีสติ อย่าไปหลงในสิ่งย้วยยุเพียงชั่วครู่ชั่วคราว
Invisible hand