หุ้นตกแรง! ต่ำสุดในรอบ 10 เดือน

เล่นหุ้น

ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,589.34 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,566.68 จุด ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,569.53 จุด ลดลง 21.06 จุด (-1.32%) มูลค่าการซื้อขาย 54,756.50 ล้านบาท ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 449 หลักทรัพย์ ลดลง 1,308 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 340 หลักทรัพย์

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงสวนทางตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย, ตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ ต่างก็ปรับตัวขึ้นกัน ได้แรงหนุนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนออกมาดีส่วนบ้านเราคงจะมีความกังวลเกี่ยวปัจจัยในประเทศ ทั้งเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง และยังกังวลปัจจัยการเมืองด้วย ในเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งยิ่งใกล้จะโหวตเสียงเรื่องงบประมาณก็ยิ่งวิตกกัน เพราะหากงบประมาณไม่ผ่านก็จะเป็นปัญหาได้ ทั้งนี้ ดัชนีฯได้หลุดแนวรับสำคัญ 1,580 จุด แต่มาวันนี้หลุดทำให้มีแรงขายออกมามากขึ้น ภาพทางเทคนิคจึงดูไม่ดี อย่างไรก็ดี ที่ระดับดัชนีฯตรงนี้มองว่า Downside เริ่มจำกัดแล้ว โดยวันนี้หุ้นที่ปรับตัวลงมากเป็นหุ้นในกลุ่มสื่อสาร, กลุ่มแบงก์ และกลุ่มขนส่ง สำหรับปัจจัยที่ยังต้องติดตามเป็นปัจจัยการเมืองในประเทศ ส่วนนอกประเทศให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันศุกร์นี้ และติดตามการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5-6 ธ.ค.นี้ด้วย

การซื้อขาย SET50 Index Futures วันนี้ปรับตัวลดลงแรง สวนทางกับภาพรวมการลงทุนเองตลาดหุ้นในภูมิภาคในวันนี้ โดยที่การปรับตัวลงแรงของดัชนีในวันนี้ได้รับ แรงกดดันจากแรงขายของหุ้นขนาดใหญ่ รวมไปถึงแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ออกมาอย่างต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งนักลงทุน ต่างชาติได้เทขายออกมาทำสถิติสูงสุดของฝั่ง short ตั้งแต่เปิดตลาด TFEX มา สูงถึง 50,000 สัญญา ทำให้กดดันดัชนี SET50 มาต่อ ขณะเดียวกัน ยังมีปัจจัยในประเทศเกี่ยวกับประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย (GDP) ของนายสมคิด จาตุศรี พิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีโอกาสไม่เติบโตได้ตามที่คาดไว้ ทำให้มุมมองของนักลงทุนต่างชาติเกิดการเปลี่ยน แปลงจากเดิมที่คาดไว้ ซึ่งเป็นปัจจัยให้นักลงทุนต่างชาติเทขายออกมา แม้ว่าจะมีปัจจัยหนุนจากตัวเลขภาคการผลิตของจีนในวันนี้ที่ออกมาดี กว่าคาด ทำให้ตลาดหุ้นในประเทศอื่นปรับตัวขึ้น แนวโน้มพรุ่งนี้คาดว่ายังมีความเสี่ยงในการเผชิญแรงกดดันจากแรงขาย หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลงไปแรง ทำให้ภาพการลงทุน ในตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนไป ซึ่งมองว่ามีโอกาสที่ดัชนีจะแกว่งตัวอิงทิศทางขาลงได้อีก ซึ่งต้องติดตามแนวโน้มว่าต่างชาติจะยังขายหุ้นไทยออก ต่อเนื่องอีกหรือไม่ พร้อมกับยังต้องติดตามการเจรจาการสงครามการค้าระหว่บงสหรัฐฯและจีนต่อไป โดยที่กลยุทธ์การลงทุนยังแนะนำเป็น ฝั่ง short ซึ่งมีแนวต้านที่ 1,064-1,068 จุด แนวรับ 1,047-1,053 จุด ด้านราคาทองคำยังคงมีการแกว่งตัวผันผวน และถูกกดดันเล็กน้อยจากปัจจัยตัวเลขภาคการผลิตของจีนออกมาดี ทำให้เงินไหล ออกไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงหรือในตลาดหุ้นมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังมีปัจจัยหนุนจากความไม่แน่นอนของการเจรจา สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ทำให้ราคาทองคำยังสามารถยืนอยู่เหนือระดับ 1,450 เหรียญสหรัฐฯ/ออนซ์ได้ แต่ทิศทางราคา ทองคำยังมองว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,465-1,480 เหรียญสหรัฯ/ออนซ์

error: Content is protected !!