กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือ TFFIF เป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนในสิทธิที่จะได้รับร้อยละ 45 ของรายได้ค่าผ่านทางที่จัดเก็บได้จากเส้นทางในปัจจุบันของทางพิเศษฉลองรัชและบูรพาวิถี เป็นระยะเวลา 30 ปี
นับจากวันโอนสิทธิ (31 ตุลาคม 2561) กองทุนมีขนาด 45,700 ล้านบาท เป็นจำนวนหน่วยลงทุน 4,570 ล้านหน่วย มูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 10 บาท และได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินปันผลเป็นระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันจดทะเบียนตั้งกองทุน ทั้งนี้สานักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติให้บริษัทจัดการจัดตั้งและจัดการกองทุนเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2559 ดังนั้น นับจากวันที่ของเอกสารฉบับนี้ ผู้ถือหน่วยลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาจะได้รับประโยชน์จากการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินปันผลเป็นระยะเวลาประมาณ 8 ปี
นโยบายของกองทุน ลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวที่มั่นคงให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน กิจการโครงสร้างพื้นฐาน รวมไปถึงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ทางพิเศษ หรือทางสัมปทาน ท่าอากาศยาน และกิจการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในแผนกลยุทธ์ของรัฐบาลไทยในการระดมทุนจากประชาชน เพื่อใช้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ โดยกระทรวงการคลังจะถือหน่วยลงทุนใน TFFIF เป็นสัดส่วนไม่ต่ากว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมดเป็นระยะเวลา 5 ปี
ทรัพย์สินของกองทุนได้แก่ ทางพิเศษ 2 สาย ครอบคุลมระยะทางทั้งสิน 83.2 กิโลเมตร ได้แก่
เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2563 ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ขอเล่าให้ฟังตามความรู้สึกที่ได้เข้าประชุมมา ผมรู้สึกพอใจกับการบริหารจัดการของผู้จัดการกองทุน ในแง่ของการบริหารจัดการและการตอบคำถาม
วันนั้นที่ประชุมเป็นวาระแจ้งเพื่อทราบ มีวาระที่สำคัญตามนี้ครับ
วาระที่ 1 รับทราบการจัดการกองทุนรวมในเรื่องที่สำคัญ
เนื่องจากทรัพย์สินกิจการลงทุนในสิทธิในรายได้ที่เกิดขึ้น จากเส้นทางในปัจจุบันของทางพิเศษที่กองทุนรวมเข้าลงทุนในรายได้ครั้งแรก ได้แก่ ทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษบูรพาวิถี ซึ่งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (“กทพ.) จะเป็นผู้ทำหน้าที่บริหารจัดการตามธุรกิจปกติ (Day-to-Day Management) ตามที่กฎหมายกำหนด และตามข้อตกลงในสัญญาโอนและรับโอนสิทธิในรายได้ โดย กทพ. บริหารจัดการ ให้บริการ รวมทั้งจัดเก็บค่าผ่านทาง และดำเนินการบำรุงรักษาทางพิเศษ
วาระที่ 2 รับทราบผลการดำเนินงานประจำปี สำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562
ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2562 ซึ่งปรากฏในรายงานประจำปี 2562 โดยสรุปสาระสำคัญได้ดังต่อไปนี้
วาระที่ 3 รับทราบผลการดำเนินงานประจำปี สำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562
งบการเงินของกองทุนรวมประจำปี สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2561 ถึง 30 กันยายน 2552 โดยสรุปสาระสำคัญได้ดังต่อไป
วาระที่ 4 รับทราบการจ่ายเงินปันผลและเงินคืนทุนในรอบปีบัญชี สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562
กองทุนรวมมีนโยบายในการจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้งเมื่อกองทุนรวมมีกำไรสะสมเพียงพอ โดยเมื่อรวมแล้วในแต่ละรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว และในกรณีที่กองทุนรวมมีกำไรสะสม กองทุนรวมจ่ายเงินปันผลจำนวน 4 ครั้งรวมเป็นเงินรวมทั้งสิ้นหน่วยละ 0.3926 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวม 1,794.18 ล้านบาท และได้ประกาศลดทุนโดยวิธีลดมูลค่าหน่วยลงทุน สำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 จำนวน 3 ครั้ง รวมทั้งสิ้นหน่วยละ 0.0431 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวม 196.97 ล้านบาท
มองจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาผมถือว่ากองทุน TFFIF มีความน่าสนใจอยู่พอสมควร แม้ผลตอบแทนจากเงินปันผลจะน้อยไปหน่อย อยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.5 ต่อปี (โดยคิดราคา TFFIF ที่ 12.40 บาทต่อหุ้น) แต่ถ้ามองถึงนโยบายการลงทุน การเติบโตของกองทุนในอนาคต ผมคิดว่า 12.40 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่ซื้อได้ครับ ผมอยากแนะนำให้นักลงทุนใช้กองทุน TFFIF เป็นที่พักเงินลงทุนหรือใช้ในการบริหารสภาพคล่องของพอร์ตลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาหาข้อมูลให้เข้าใจ ก่อนที่จะลงทุน
ที่มาข้อมูลจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย TFFIF
Invisible hand