หลายคนคงจะได้รู้จักกับมัลแวร์เรียกค่าไถ่อย่าง Ransomware ไปไม่มากมายก็น้อย เพราะว่ามีการแพร่ระบาดและก็ก่อให้เกิดผลเสียกับผู้ใช้งานไม่น้อยเลยทีเดียว รวมทั้งทำให้ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์หันมาพึงพอใจเกี่ยวกับภัยรุกรามที่เกิดขึ้นบนระบบคอมพิวเตอร์เยอะขึ้น
แต่ว่าเมื่อต้นปี 2561 แนวทางรวมทั้งลักษณะของมัลแวร์ที่กำลังเริ่มแปลงจากมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) มาเป็นมัลแวร์ที่เกี่ยวเนื่องกับ Cryptocurrency แทน เนื่องจากว่าความนิยมสำหรับเพื่อการลงทุนในตลาดของเงินดิจิตอล หรือ Cryptocurrency ที่เกิดมากยิ่งขึ้นมายในขณะนี้ นำมาซึ่งการทำให้มัลแวร์ที่เกี่ยวเนื่องกับ Cryptocurrency เป็นแผนการที่น่าดึงดูดสำหรับเหล่าแฮกเกอร์ผู้ไม่ปรารถนาดี
โดย Cryptocurrency Mining malware เป็นมัลแวร์ที่จะดึงทรัพยากรของระบบคอมพิวเตอร์ (CPU) เพื่อใช้เพื่อสำหรับการกรรมวิธีขุดเหมือง (Mining) สำหรับช่วยขุดเงินสกุลดิจิตอลหรือที่พวกเราบางครั้งอาจจะเคยทราบว่า “ขุดบิทรอน์ (Bitcoin)” ซึ่ง Bitcoin ก็เป็นเลิศในสกุลเงินดิจิตอล และก็ในตอนนี้ สกุลเงินดิจิตอลก็มีมากยิ่งกว่า 1,000 สกุลเงินอย่างยิ่งจริงๆ แล้วพวกเราจะสามารถพินิจและก็คุ้มภัยจากมัลแวร์ขุดเหมืองนี้ได้อย่างไรบ้าง?
สามารถที่จะขึ้นๆลงๆได้
ราคาของคริปโตฯ สามารถขึ้นลงและก็เก็งกำไรได้จากการร่วมกันให้ค่าของชาวนักลงทุน ซึ่งข้อนี้ก็เป็นเลิศในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทางการจีน เดินหน้าแบนคริปโตฯ ในประเทศอย่างเอาจริงเอาจังดังที่เป็นข่าวปรากฏ
ที่เพียงพอจะคาดเดาได้เป็นทางการจีนจะบอกเหตุผลประเด็นการกำจัดเหมืองบิตคอยน์ แล้วก็ตลาดคริปโตฯ ในแนวทางที่ว่า เรื่องแรกเกิดเรื่องการเสี่ยงด้านการเงิน มีการใช้คริปโตฯ ในตลาดมืดเพื่อการฟอกเงิน ส่วนเรื่องลำดับที่สองเป็นเหตุผลทางพลังงาน เป็นการขุดบิตคอยน์นั้นใช้พลังงานปริมาณพรั่งพร้อมแล้วก็มีผลเสียต่อสภาพแวดล้อมเป็นอย่างมากนั่นเอง โดยจีนยังนับว่าเป็นประเทศที่ใช้พลังงานถ่านหินเยอะที่สุดในโลก
พลังงานในการขุด bitcoin
Cambridge Bitcoin Electricity Consumption Index (CBECI) สิ่งที่ดรรชนีนี้บอกเป็น การขุดบิตคอยน์ใช้กำลังไฟฟ้าสูงถึง 121.36 เทราวัตต์ชั่วโมงต่อปี เป็นตัวเลขที่สูงยิ่งกว่าปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ประเทศอาร์เจนตินาใช้เสียอีก เพียงพอเอาการขุดบิตรอน์ทั้งโลกมารวมเป็นเลิศประเทศ ประเทศที่การขุดบิตคอยน์นี้จะติดอันดับการใช้กระแสไฟฟ้าสูงที่สุดชั้นที่ 30 ของโลก พอๆกับว่าการทำเหมืองบิตรอน์คิดได้แก่การใช้กระแสไฟฟ้า 0.5% ของปริมาณพลังงานทั้งหมดทั้งปวงของโลก รวมทั้งการใช้กระแสไฟฟ้าจะสูงมากขึ้นตามการเจริญเติบโตของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
หันไปมองจีนที่มีสัดส่วนการขุดบิตคอยน์เป็น 65.08% ของโลกแล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีผลต่อตลาดคริปโตฯ อยู่ไม่น้อย แถมยังคงใช้พลังงานไปๆมาๆกทีเดียว