ท่ามกลางภาวการณ์วัวกระทิงของสกุลเงินดิจิทัลที่สม่ำเสมอในปี 2564 บอร์ดเทรด crypto ชั้นหนึ่งของประเทศอินเดียกำลังบันทึกผู้ค้ารายวันที่พุ่งสูงมากขึ้นเมื่อเทียบกับการประชุมในปี 2560 มีปริมาณมากขึ้นเวลานี้ราวๆ 200-500% กับนักลงทุนสละตำแหน่งในทรัพย์สินตัวอย่างเช่น Bitcoin แล้วก็ Ethereum ที่ประเทศอินเดียไทม์ส รายงาน นักลงทุนส่วนหนึ่งส่วนใดคิดเป็นคนแขก 105 ล้านผู้ที่ถือทรัพย์สิน crypto ต่างๆ
โดยมีปริมาณผู้ค้าเกินหนึ่งล้านคน ท่ามกลางสถานการณ์ของตลาดวัวกระทิงในตลาด crypto ที่ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ต้นปี 2564 บอร์ดเทรดชั้นหนึ่งของประเทศอินเดียกำลังบันทึกปริมาณนักลงทุนคนใหม่รายวันที่พุ่งสูงมากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนตลาดในปี 2560 ปริมาณนักลงทุนคนใหม่ได้มากขึ้นมากยิ่งกว่า 200 -500% ต่อวันโดยขณะนี้คิดเป็นคนแขกกว่า 105 ล้านคนได้ถือทรัพย์สินดิจิทัลต่างๆแล้ว และก็มีเทรดเดอร์ในแพลตฟอร์มอีกกว่า 1 ล้านคน “พวกเรามีเทรดเดอร์รายวันมากยิ่งกว่า 80,000 คน ซึ่งเคยอยู่ราว 20,000-25,000 คนภายในตอนตลาดวัวกระทิงในปี 2560-2561 โดยขณะนี้เทรดเดอร์มักมองหาทรัพย์สินที่มีความผันแปรสูงที่มาพร้อมทั้งโครงงานหรือโปรเจกต์ใหม่ที่จะนำมา
ซึ่งการทำให้ราคาเคลื่อนอย่างหนัก” การเพิ่มขึ้นของเทรดเดอร์ในทุกวันทำให้โอ้อวดลุ่มการค้าขายบน WazirX สูงถึง 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งรวมแล้วปริมาณผู้ใช้งานใหม่ในบอร์ดเทรดปีนี้มากขึ้นกว่า 10 เท่า การเพิ่มขึ้นของผู้ค้ารายวันเกิดขึ้นในปี 2564 มาท่ามกลางการระบาดใหญ่ของโคโรนาเชื้อไวรัสที่มีการล็อคดาวน์ ทำให้คนส่วนมากเลือกใช้การลงทุนคริปโตในเวลาว่าง เพราะภาคส่วนเริ่มปรับพฤติกรรมขึ้นจากไตรมาสลำดับที่สามของปีที่ผ่านมา ท่ามกลางความปั่นป่วนทางด้านเศรษฐกิจที่เริ่มจากการระบาดใหญ่ ทรัพย์สินดิจิทัลก็เปลี่ยนเป็นวัสดุอุปกรณ์คุ้มครองปกป้องการเสี่ยง ยิ่งกว่านั้น cryptocurrency ในประเทศอินเดียจัดว่ามีความคล้ายกันกับกองทุนรวม
ในลักษณะเดียวกัน นักลงทุนพึ่งจะใช้ประโยชน์จากคริปโทเคอร์เรนซี่มีมอปิ้ง Shibu In รวมทั้ง Dogecoin ซึ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นในปี 2564 โดยล่อใจคนวัยหนุ่มสาวเป็นหลักรวมทั้งทำเงินอย่างมากมาย อย่างไรก็ดีในเวลานี้ประเทศอินเดียยังคงมีทางเลือกสำหรับเพื่อการลงทุนเยอะมาก แม้กระนั้นการเลือกทรัพย์สินดิจิทัลแทนกระบวนการลงทุนแบบเริ่มแรก ได้แก่ การค้าขายหุ้นก็เป็นเลิศในทางเลือกใหม่ของนักลงทุน ดังนี้ข้อมูลที่ได้มาจากบอร์ดเทรดในประเทศอินเดียยังบอกอีกว่านัมายากลงทุนในเมืองเล็กๆกำลังพึงพอใจที่จะซื้อ Bitcoin รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆเพิ่มเติมอีกเยอะขึ้นเรื่อยๆ
คาดการณ์ Bitcoin เบื้องต้น
ราคาของ Bitcoin (BTC) คาดว่าจะหรูหราราคาหล่นลงมาถึง 53,000 ดอลลาร์ในธ.ค. ตามการคาดหมายปัจจุบันของชุมชน crypto ของ CoinMarketCap ก่อนหน้านี้ CoinMarketCap ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยทำให้ผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มสามารถลงคะแนน “คาดการณ์ราคา” ซึ่งช่วยทำให้ผู้ใช้งานสามารถคาดหมายราคาสำหรับหกเดือนด้านหน้าแล้วก็มองว่าบุคคลอื่นคิดยังไงกับคริปโตของพวกเขาแบบเรียลไทม์ ดังนี้ทางชุมชน crypto ได้เจาะจงราคาไว้ว่า BTC จะตกลงสู่ระดับ 53,040 ดอลลาร์ในวันที่ 30 เดือนธันวาคม 2564 ซึ่งน้อยกว่าราคา BTC ปัจจุบันนี้ที่ 65,227 ดอลลาร์อยู่ราวๆ 12,187 ดอลลาร์ หรือลดน้อยลงกว่า 18.68% ซึ่งได้รับการโหวตจากพลเมืองทั่วๆไปสูงถึง 80,468 โหวต ยิ่งไปกว่านี้
ถึงแม้นักวิเคราะห์ cryptocurrency ที่เป็นที่รู้จักคนจำนวนไม่น้อยคาดหมายว่าปัจจุบันนี้เป็นการเริ่มของตลาดวัวกระทิงรอบที่สอง แม้กระนั้นการชี้แนะของชุมชนกลับกล่าวว่าราคาของ Bitcoin จะต่ำลงโดยตลอดก่อนสิ้นเดือนธ.ค.แล้วก็ต้นเดือนม.ค.ปีต่อไป นักวิเคราะห์ Crypto คาดคะเนราคา Bitcoin การคาดเดาของชุมชนนั้นผิดแผกแตกต่างเป็นอย่างมากตามการวิเคราะห์จากโมเดล PlanB ที่คาดเดาว่า BTC จะจำหน่ายที่ระดับ 98,000 ดอลลาร์ ในสิ้นเดือนพ.ย.และก็ 135,000 ดอลลาร์ด้านในสิ้นเดือนธ.ค. ความจริงแนวโน้มในอดีตกาลได้ทำให้เห็นว่า BTC บางครั้งก็อาจจะถึงระดับ parabolic levels ก่อนปลายปีนี้ซึ่งเรียกสิ่งนี้เรียกว่าเหตุ
บางทีอาจจะทำลายความมุ่งหวังของนักลงทุนได้ตลอดระยะเวลา ดังเช่นว่า ความน่าวิตกกังวลเมื่อ China Evergrande (HK:3333) Group ผิดนัดจ่ายและชำระหนี้ 148 ล้านดอลลาร์ ส่งผลเสียไปทั่วตลาดสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งมีมูลค่าน้อยลงโดยเฉลี่ย 5% อย่างไรก็แล้วแต่หมายกำหนดการคาดหมายของชุชนจะถูกเปลี่ยนในทุกวันที่ 21 ของเดือน ซึ่งฟังก์ชันใหม่นี้มีไว้เพื่อเทรดเดอร์วัดความเชื่อมั่นและมั่นใจสำหรับเพื่อการซื้อขายแลกเปลี่ยนทรัพย์สินในตลาดอย่างสม่ำเสมอ แทนที่จะถามในกรุ๊ปแชททนามากยิ่งกว่า แต่เดี๋ยวนี้ Bitcoin มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ 65,227 ดอลลาร์ น้อยลง 2.34% ในวันพรุ่งนี้ภายหลังจากทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ในวันที่ 10 พ.ย. ดังนี้ทรัพย์สินลำดับต้นๆของโลกมากขึ้น 5.40% ในตอนเจ็ดวันที่ผ่านมาโดยมีมูลค่าตลาดมากยิ่งกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์
